ผ่านการคัดเลือกและจัดแสดงแล้วที่ นิทรรศการผลงานสร้างสรรค์ระดับชาติ SILPA Creative Works Exihibition 2025 ระหว่างวันที่ 15 - 30 กันยายน 2568 เวลา 9:00-17:00 น. เว้นวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ณ หอศิลปะและการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
สุเมรุอะโพ(ธิ์)คาลิปส์
ลวดลายจากวันสิ้นโลกตามหลักความเชื่อพุทธศาสนา
ผู้ออกแบบ ดร.สรัล ตั้งตรงสิทธิ์
ผ่านการคัดเลือกและจัดแสดงแล้วที่ นิทรรศการผลงานสร้างสรรค์ระดับชาติ SILPA Creative Works Exihibition 2025 ระหว่างวันที่ 15 - 30 กันยายน 2568 เวลา 9:00-17:00 น. เว้นวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ณ หอศิลปะและการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกนั้นพบได้ในความเชื่อของศาสนาต่างๆ เช่น ศาสนาคริสต์ที่ถูกเรียกว่า Judgement Day ซึ่งปรากฎใน Book of Revelation (Apocalypse of John) คำว่า Apocalypse มาจากภาษากรีกโบราณ apokálypsis แปลว่า เปิดเผย มักถูกนำมาใช้เรียกวันสิ้นโลกในสื่อต่างๆ แม้ความหมายเดิมจะไม่ได้แปลว่าวันสิ้นโลกก็ตาม ในศาสนาพุทธมีการกล่าวถึงวันสิ้นโลกไว้เช่นกัน ซึ่งบันทึกไว้ใน องคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต กล่าวถึงการเกิดขึ้นของดวงอาทิตย์ทั้ง 7 ดวง ซึ่งจะทำให้โลกถูกแผดเผา ไม่เว้นแม้กระทั่งเขาพระสุเมรุที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาพุทธ ความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกของศาสนาพุทธนั้นมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างจากศาสนาอื่นๆ เพราะถูกใช้เป็นกุศโลบายในการย้ำเตือนถึงอนิจจังหรือความไม่เที่ยง, ทุกขังหรือความเป็นทุกข์, และอนัตตาหรือความไม่มีตัวตน หรือเรียกกันว่าหลักไตรลักษณ์ เพราะแม้กระทั่งเขาพระสุเมรุที่มั่นคงก็ยังสามารถถูกแผดเผาลงได้ หลักไตรลักษณ์ที่แฝงอยู่ในความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกนี้สามารถนำมาปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันเพื่อย้ำเตือนถึงความไม่แน่นอนของทุกสิ่งซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และยังเป็นการเตือนให้เราไม่ประมาทในการดำรงชีวิต ผู้วิจัยจึงเห็นถึงความสำคัญของหลักธรรมข้อนี้และเห็นว่าการตระหนักรู้ถึงหลักธรรมพุทธศาสนาไม่ควรจำกัดอยู่เพียงแค่การศึกษาจากคัมภีร์ทางศาสนา แต่สามารถสร้างการตระหนักรู้ผ่านสื่ออื่นเช่น สินค้าไลฟ์สไตล์
กระบวนการออกแบบเริ่มด้วยการทบทวนวรรณกรรมจากสื่อสิ่งพิมพ์และออนไลน์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อของวันสิ้นโลกในความเชื่อแบบศาสนาพุทธ วิเคราะห์ข้อมูล และต่อยอดสู่งานออกแบบ ผู้ออกแบบใช้กริดทรงกลมเรขาคณิต 7 วงที่ซ้อนทับกันแทนดวงอาทิตย์ทั้ง 7 ดวงที่จะปรากฎขึ้นเมื่อโลกถึงจุดสิ้นสุดที่วางอยู่บนกริดทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดด้านเท่าแทนความหมายถึงเขาพระสุเมรุเพราะเป็นยอดเขาที่มียอดชี้ขึ้นบนส่วนปลายที่ชี้ลงล่างนั้นเปรียบได้กับเงาที่สะท้อนบนผิวสีทันดรมหาสมุทร กริดวงกลมและกริดทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดด้านเท่านั้นถูกวางสัดส่วนบนกริดตารางที่มีสัดส่วน 7X7 จากการที่เลข 7 นั้นมีความสัมพันธ์กับพระพุทธศาสนาในหลากหลายมิติ ยกตัวอย่างเช่น จำนวนของภูเขาที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ จำนวนก้าวของพระโพธิสัตย์เมื่อคลอดจากครรภ์พุทธมารดา จำนวนหลักธรรมที่เป็นทางแห่งการตรัสรู้หรือโพชฌงค์ 7 ต่อมาผู้ออกแบบได้ทดลองออกแบบลวดลายจากระบบกริดแสดงความเป็นไปได้ในการสร้างงานออกแบบกราฟิกใน 7 แนวทางจากระบบกริดเดียวกันนี้ และนำไปจัดแสดงต่อสาธารณชนเพื่อหาแนวทางพัฒนาการออกแบบ ณ งาน INTERNATIONAL YOUTH ART EXCHANGE EXHIBITION จากนั้นจึงได้นำคำแนะนำจากผู้ชมงานไปวิเคราะห์ พัฒนา ต่อยอดและได้มาซึ่งงานออกแบบลวดลาย 4 ลวดลาย รวมทั้งตราสัญลักษณ์แบรนด์สินค้าที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงของดวงอาทิตย์ทั้ง 7 ดวงที่ซ้อนทับกัน
จากกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ นอกเหนือจากองค์ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกทางพุทธศาสนาและกุศโลบายเบื้องหลังแล้ว ยังได้มางานออกแบบลวดลายทั้ง 4 ลวดลาย ที่ถูกใช้บนสินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างความตระหนักถึงหลักไตรลักษณ์แก่ผู้ใช้งานได้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะต่อผู้ที่สนใจในการสร้างสรรค์ผลงานในลักษณะดังกล่าวว่าเนื่องด้วยงานออกแบบลวดลายนั้นมีลักษณะกึ่งนามธรรม อาจทำให้ยากต่อการสื่อสาร จึงควรเพิ่มสื่อให้ข้อมูลที่แนบไปกับสินค้าได้อย่างเช่น แท็กสินค้า โบรชัวร์ หรือบุ๊คเล็ท เพื่ออธิบายหลักธรรมที่แฝงอยู่เบื้องหลังงานออกแบบลวดลาย งานชิ้นนี้จึงสามารถเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสร้างสื่อเพื่อสร้างการตระหนักรู้หลักธรรมของพุทธศาสนาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน